รหัส : 02805
ราคา : 200.00
ราหู หรือ เทพราหูผู้เรืองอิทธิฤทธิ์ ตำนานราหูมีที่มายาวนานคู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทย มา
ตั้งแต่ยุคโบราณกาล ที่ปรากฏเป็นหลักฐานที่มีบันทึกไว้เด่นชัดคือ หนังสือไตรภูมิพระร่วง ที่
พญาลิไท พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัยได้เขียนเอาไว้เป็นคัมภีร์โบราณเก่าแก่ของไทย
ได้กล่าวบรรยายถึงราหูไว้ดังนี้ พระราหูอาศัยอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า อุตรกุรุทวีป หนึ่งเป็นทวีป
หนึ่งในสี่ ของชาวพุทธเป็นแดนลี้ลับอีกมิติหนึ่งซึ่งมนุษย์ ไม่สามารถจะเข้าไปได้ ผู้ที่จะเข้าไปได้
หรือเห็นได้ต้องเป็นที่มีญานวิเศษ หรือสำเร็จฌานสมาบัติเท่านั้น ในดินแดนนี้มีพญาอสูรสองตนผู้
เป็นใหญ่ ตนหนึ่งคือพระราหู อีกตนหนึ่งคือท้าวพรหมทัต พระราหูนั้นมีร่างกายใหญ่และมีกำลัง
มากกว่าเหล่าอสูรทั้งหลาย ยามเมื่อพระราหูเห็นพระอาทิตย์ก็ดีพระจันทร์ก็ดีมีความสุกสว่างครั้ง
ใดมักจะมีใจโกรธแค้น ต้องขึ้นไปบนภูเขายุคันธรจากนั้นก็จะอ้าปากอมพระอาทิตย์ หรือพระ
จันทร์ไว้เสียจนกว่าจะเป็นที่พอใจจึงคายออกมา เป็นเหตุให้เกิดสุริยุปราคา ดังนี้เป็นตำนานราหูที่
บันทึกไว้ในไตรภูมิพระร่วงซึ่งเป็นคัมภีร์ทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย
ในคัมภีร์อนาคตวงศ์ ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ได้เขียนบันทึกไว้ครั้งพุทธกาล มีอยู่ว่า พระสารีบุตรได้กราบ
ทูลขอให้พระสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้ทรงแสดงเรื่องพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรุ้ใน
อนาคตกาลอันไกลโพ้น ซึ่งสมเด็จพระสัพพัญญูก็ได้ทรงกล่าวถึงการจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ของพระอสุริทราหูเอาไว้ว่า ในกาลเมื่อสิ้นพระศาสนาของพระยามาราธิราช แล้วโลกจะสูญจาก
การมีพระพุทธเจ้านานถึง 8 กัล์ป แล้วแผ่นดินก็ตั้งขึ้นมาใหม่ได้แสนแผ่นดิน แผ่นดินนั้นก็สูญ
เปล่าเป็นสูญยกัล์ป หาได้มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติไม่ เมื่อสุญญกัล์ปได้แสนแผ่นดินล่วงไปแล้ว จึง
บังเกิดแผ่นดินขึ้นมา มีชือว่ามัณทกัป เป็นยุคสมัยที่ทรงพระพุทธเข้าได้ 2 พระองค์ หนึ่งในนั้น
คือพระอสุรินทราหู และอีกพระองค์หนึ่งคือ โสณพราห์ม โดยพระยาอสุรินทราหูนั้นจะได้ตตรัสรู้
เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน โดยจะมีพระนามว่า พระนารทะ มีพระองค์สูง 20 ศอก มีพระชน
มายุยืนได้หมื่นปีเป็นอายุขัย มีต้นไม้จันทร์เป็นพระศรีมหาโพธิ์ (กล่าวโดยย่อ)
เครื่องรางของขลังประเภทราหู นั้นมีลักษณะเป็นรูปเหมือนอสูรหรือยักษ์กำลังคาบหรืออมพระ
อาทิตย์ หรือพระจันทร์ ในตำราพระเวทย์โบราณมีการบันทึกถึงกรรมวิธีการสร้าง คาถาปลุกเสก
ตลอดจนอุปเท่ห์การนำเครื่องรางประเภทราหูไปใช้อย่างชัดเจน โดยตั้งแต่สมัยโบราณกาลเป็น
ต้นมา มีพระเกจิอาจารย์นำมาวิชาราหูนี้มาสร้างเป็นเครื่องรางของขลังอันปรากฏเป็นที่เลื่องชื่อ
ลือชาได้แก่ พระเดชพระคุณ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม ซึ่งท่านได้ร่ำเรียนวิชานี้มา
จากหลวงพ่อไต ผู้สืบสายพระเวทย์มาจากนครเวียงจันทร์ ประเทศลาว โดยราหูของท่านจะสร้าง
จากวัตถุอาถรรพณ์ คือ กะลามะพร้าวที่มีตาเดียว หรือที่เรียกว่ากะลาตาเดียว ซึ่งท่านกำหนดให้
ลงหรือแกะในวันที่เกิดสุริปราคา หรือ จันทรุปราคาเท่านั้นจึงจะขลัง ซึ่งเครื่องรางประเภทราหู
ตำรับวัดศรีษะทองนี้เป็นที่ได้รับความนิยมมาช้านาน และราหูที่เป็นองค์บูชาที่วัดศรีษะทอง จ
.นครปฐมก็เป็นอีกที่นึ่งที่ประชาชนนิยมไปกราบไหว้เพื่อเสริมดวงชะตาราศี
พระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นปรมาจารย์ทางด้านวิชาราหู ตำรับล้านนาโบราณ คือพระเดช
พระคุณหลวงปู่ครูบานันตา แห่งวัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง ซึ่งวิชาราหูของท่านตามภาษาล้านนาเรียก
ว่า วิชาก๊บกินเดือน ก๊บกินตะวัน เป็นหนึ่งในเคล็ดลับวิชาราหูตำรับล้านนาอีกตำรับหนึ่งที่ทรงไว้
ถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีอิทธิคุณวิเศษยิ่งนัก โดยตำราราหูของท่านก็จะสร้างจากกะลาตาเดียว
คล้ายกับตำรับของหลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง แต่มีกรรมวิธีปลุกเสกที่แตกต่างกันไป และมี
อุปเท่ห์หรือวิธีการบูชาเป็นการเฉพาะ
อิทธิอำนาจของเครื่องรางประเภทราหู ดังที่ได้พรรณาไว้ในตำรกล่าวโดยสรุปมีดังนี้
1.ให้อิทธิคุณอำนาจทางด้านแคล้วคลาดกันภัย
2.โภคทรัพย์โชคลาภ
3.เมตตามหานิยม
4.เสริมดวงหนุนดวงชะตาราศีเสริมฐานะและเสริมเป็นความมงคลต่างๆในชีวิต
ผ้ายันต์ราหูสุริยุปราคา จัดสร้างในวันที่ 9 มี.ค. พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นวันเกิดสุริยุปราคา โดยจัดสร้าง
ในฤกษ์ที่เกิดสริยุปราคา เป็นพิธีเทวาภิเษกอันเชิญเทพราหูลงจุติบังเกิดในผ้ายันต์ทุกผืนในฤกษ์
ที่เกิดสุริยุปราคาโดยตรง สร้างน้อยเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการของขลังของดีไว้บูชา หรือผู้บูชา
ราหูอยู่แล้วไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง